น้องจุนกับรถเข็นเด็กคันแรก

ช่วงนี้มีเพื่อนๆคนรู้จักที่กำลังจะเป็นคุณมือใหม่กันหลายคนมากๆ #ยินดีและตื่นเต้นแทนด้วยมากๆเลยจ้า และช่วงนี้ว่าที่คุณแม่ก็คงจะง่วนอยู่กับการเตรียมของใช้ทุกสิ่งอย่างให้ลูกน้อยกันแน่ๆเลย…ของใช้เด็กมีล้านแปด

สมัยที่ท้อง หมอเองก็เตรียมตัวกันปวดหัวตาลาย ดูแล้วดูอีก อ้าวทำไมไม่ครบสักที …อืม! ของใช้ลูกเนี้ย เป็นอินฟินิตี้เนอะ …….ซื้อแค่ไหนก็ไม่มีทางครบ (บางอย่างไม่จำเป็นนะแต่แม่ need 55) #ค่อยๆทยอยซื้อนะแม่จ๋า
จะมา F ต่อหลังคลอดอีกก็ได้นะ คลายเครียด หรือจะเพลินๆช่วงปั๊มนมก็ดีค่ะ

วันนี้ก็เลยขอมารีวิวของใช้สักเล็กน้อยค่ะ… #รีวิวของใช้น้องจุน หมอรีวิวตามที่ใช้จริงและเห็นว่าใช้ดีมีประโยชน์ ไม่มีสปอนเซ่อนะค้า
เผื่อมีประโยชน์ในการตัดสินใจของคุณพ่อคุณแม่ค่ะ

#ว่ากันด้วยเรื่องของรถเข็นเด็ก ก่อนหน้านี้ตอนท้องยังไม่คิดจะซื้อนะคะ กะว่าให้ลูกโตนิดนึงค่อยซื้อ แบบไปเที่ยว ออกนอกบ้าน แล้วค่อยใช้รถเข็น…แต่บังเอิญว่าซื้อในงาน BBB มีโปร คือซื้อคาร์ซีทคู่รถเข็น ของแถมเยอะ อดใจไม่ไหวอีกเช่นเดิมค้า … แต่ก็รู้สึกดีที่ซื้อมานะ
เพราะได้ใช้ตั้งแต่แรกเกิดเลย คุ้มค่า

ในช่วง 1 ขวบปีแรก #หมอตั้งใจจะเลี้ยงลูก ให้ความรักความอบอุ่นเต็มที่ #อุ้มกอดให้มากที่สุด ช่วงเวลา 3 เดือนแรกคือบททดสอบของแม่ล่ะ คือตอนนั้นส่วนใหญ่เลี้ยงลูกเองแบบไม่มีคนช่วย รอสามีกลับบ้านมาผลัดเปลี่ยนกัน พอเลี้ยงไปสักพักนึง … คิดว่ามีตัวช่วยหน่อยก็ดีนะ แป๊บๆ เช่น เวลากินข้าว เข้าห้องน้ำ โน่นนี่ ขอแบบปลอดภัย มองเห็นรถเข็นที่จอดไว้ ได้เอามาใช้เลยค้า

#รถเข็นคันแรกของน้องจุน หมอเลือก Aprica รุ่น optia premium สีดำ จากร้าน #BabyGiftRetail ซึ่งสั่งไว้ก่อนคลอดประมาณ 3 เดือน ของขาดต้องรอนำเข้า… แต่บังเอิญน้องจุนคลอดก่อนกำหนดเล็กน้อย รถเข็นยังไม่มา เลยแจ้งกับทาง Baby Gift Retail ไป ทางร้านก็ใจดีมากค่ะ ส่งรถเข็นตัวสำรอง สีม่วง นี้มาให้ใช้ก่อน

**ที่เลือกรุ่นนี้เพราะศึกษาข้อมูลมาบางส่วนและมีเพื่อนแนะนำมาว่าดี สะดวก ลูกชอบ #ได้ใช้งานเองจริงๆหมอก็ชอบมากนะคะ สังเกตว่าน้องจุนก็ชอบอยู่ในรถเข็น อยู่ได้ไม่งอแง ซึ่งเค้าอาจจะชิน เพราะนอกจากจะอยู่กับแม่แล้วก็อยู่กับรถเข็นมาตั้งแต่เล็กเลยเหมือนกัน มาดูรายละเอียดกันนิดนึงค่ะแล้วไปดูรูปกันเนอะ


#เป็นรถเข็นที่คิดค้นโดยกุมารแพทย์จากญี่ปุ่นออกแบบตามหลัก Ergonomic Design Optia Premium ปกป้องสรีระของลูก ช่วยปกป้องศีรษะและช่วงปลายเท้าลูกในวัยแรกเกิดได้ดีค่ะ

#เบาะรองนอนหนาและออกแบบมารองรับสะโพกได้ทั้งซ้าย-ขวา ช่วยให้สรีระลูกไม่ผิดรูป หมอเลยมั่นใจ ให้น้องจุนนอนในรถเข็นได้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ น้องจุนเริ่มใช้รถเข็นครั้งแรกที่อายุ 28 วัน


ช่วงนอนกลางวัน น้องจุนหลับในรถเข็นเป็นส่วนใหญ่ เข็นไปมาในบ้าน 2-3 รอบ ก็เคลิ้มแล้วค่ะ
รัดเข็มขัดนิรภัยด้วยเสมอ และคนเลี้ยงดูต้องอยู่ใกล้ๆด้วยค่ะ

#จนถึงตอนนี้น้องจุนก็ยังคงหลับได้ดีบนรถเข็น เป็นตัวช่วยกล่อมนอนกลางวันได้ดีมากๆเลยค่ะ


#สามารถปรับรูปแบบการใช้งานตามช่วงอายุที่เหมาะสม
#ความประทับใจอื่นๆ ติดตามต่อในรูปภาพประกอบการบรรยายดีกว่าค่ะ ได้บรรยากาศด้วย

อ่อ แม้รถเข็นจะคันใหญ่ไปนิด แต่พกออกนอกบ้านได้นะคะ #เพราะพับและกางออกได้สะดวกด้วยมือเดียว แต่ถ้าเดินทางไป ตปท อาจจะต้องมองหารถเข็นที่เบาและเล็กกว่านี้นิดส์นึงค้า

รีวิวนี้เป็นความเห็นส่วนตัวจากประสบการณ์การใช้งานจริง อาจจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ค้า

หวังว่าการรีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ให้คุณแม่ที่กำลังตัดสินใจได้บ้างนะคะ มีรูปเยอะนิดนึง เพราะสมัยตัวเองหาอ่านรีวิวก็อยากดูรูปรีวิวสินค้าจริงเยอะๆ ค้า

ส่วนรายละเอียดสินค้าและราคาสินค้า ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.babygiftretail.com/…/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%8…/

จบแล้ว … ปั๊มนมเสร็จพอดี
ฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะแม่ๆ⭐️✨
(รอบหน้ามารีวิวคาร์ซีทหนาคะ)

#Aprica
#ApricaThailand
#OptiaPremium
#BabyGiftRetail
#รถเข็นเด็ก
#รถเข็นทารกแรกเกิด

พาลูกคลอดก่อนกำหนดกลับบ้านอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด

คุณแม่บางท่านคลอดน้องก่อนกำหนด (ก่อนครบ 37 สัปดาห์) เพราะยังไม่ถึงเวลาลืมตามาดูโลก เจ้าตัวน้อยจึงมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ แถมยังต้องอยู่ในตู้อบและให้อาหารด้วยวิธีพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหารผ่านทางสะดือหรือหลอดเลือดดำ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ลูกของคุณแม่จะได้กลับบ้านเมื่อคุณหมอเห็นว่าน้ำหนักเหมาะสมแล้ว อดใจรออีกนิดเดียวเท่านั้นค่ะ

เมื่อถึงเวลาที่ต้องพาลูกน้อยคลอดก่อนกำหนดกลับบ้าน เชื่อว่าคุณแม่ทุกคนจะมีความรู้สึกชั่งใจอยู่ไม่น้อย ใจหนึ่งก็ดีใจ อีกใจหนึ่งก็นึกห่วง ด้วยขนาดร่างกายของลูกที่เล็กกว่าปกติมาก ไหนจะระบบอวัยวะภายในที่อาจจะยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ หายใจเองก็ยังไม่ค่อยคล่อง คุณแม่อาจคิดมากว่าลูกจะกระทบกระเทือนจากการนั่งรถรึเปล่า แล้วจะเป็นอะไรไหมถ้าลูกต้องอยู่ในรถนาน ๆ

การวิตกกังวลแบบนี้เป็นเรื่องปกติของคนเป็นแม่ค่ะ เพราะงั้นก่อนอื่น มาทำใจให้สบาย ทุกอย่างมีทางออก และเรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน วิธีแก้ปัญหาก็คือการเลือกใช้คาร์ซีทที่เหมาะสมกับทารกที่คลอดก่อนกำหนด หรือคาร์ซีทแบบนอนราบ ซึ่งจะราบเหมือนนอนอยู่บนเตียงเลยล่ะค่ะ ที่เราแนะนำให้ใช้คาร์ซีทแบบนี้โดยเฉพาะก็เพราะว่า คาร์ซีทแบบนอนราบจะทำให้อวัยวะภายในของลูกน้อยไม่บิดงอ หายใจสะดวก รับรองว่าหลับสบายแถมปลอดภัยจนถึงบ้านเลยนะ

ปัญหาของการเดินทางของลูกน้อยที่คลอดก่อนกำหนดคือการจัดท่านอนให้ถูกต้อง เรื่องนี้เป็นเรื่องของสรีระและท่าทางของลูกที่คุณแม่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เมื่อเห็นคาร์ซีทที่ผลิตมาเพื่อทารกที่คลอดก่อนกำหนดนี้ คุณแม่ก็อาจจะกำลังงง ๆ ว่าคาร์ซีทแบบนอนราบแล้วจะปลอดภัยได้ยังไง แล้วมันจะดีกว่าคาร์ซีทโดยทั่วไปแค่ไหน เราลองมาดูกันค่ะ

1. นอนราบได้ ช่วยให้หายใจได้คล่องกว่า การนอนราบจะช่วยให้ลูกน้อยของคุณแม่หายใจได้สะดวกกว่า เพราะตัวไม่งอและท้องไม่ถูกกดทับ ทำให้หมดห่วงเรื่องสภาวะหายใจติดขัดที่ทำให้เกิดอันตรายต่อเด็กไปได้เลย

2. พื้นที่บริเวณศีรษะยกขึ้นเล็กน้อย ตรงส่วนที่รองบริเวณศีรษะนั้นจะยกขึ้นที่ประมาณ 5 องศาเพื่อให้ลูกน้อยหายใจได้สะดวกมากขึ้น

3. เข็มขัดนิรภัย 5 จุดเพิ่มความแน่นหนา ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ ด้วยเข็มขัดนิรภัย 5 จุดที่ตัวคาร์ซีท ที่ช่วยเพิ่มความแน่นหนา แม้ว่าลูกน้อยของคุณแม่จะน้ำหนักน้อยหรือตัวเล็กมากแค่ไหน คาร์ซีทแบบนี้จะทำให้ลูกของคุณปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ด้วยเข็มขัดที่โอบรัดรอบตัวและรองรับแต่ละส่วนของร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนวัสดุเป็นแบบที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เหมาะสำหรับผิวบอบบางของลูกน้อยเป็นอย่างยิ่งค่ะ

4. ติดตั้งง่าย สะดวกและยึดเกาะแน่น แม้ว่ารูปทรงจะดูแปลกตาแต่คาร์ซีทแบบนี้ มีวิธีการติดตั้งที่ไม่ได้ซับซ้อนเลย คุณแม่สามารถติดตั้งเองได้ง่าย ๆ แถมเมื่อติดตั้งแล้ว คุณแม่ยังสามารถวางใจได้ถึงความแน่นหนา เพราะมีการออกแบบให้ส่วนของคาร์ซีทมีระบบการติดตั้งให้ตัวคาร์ซีทยังคงยึดอยู่กับที่ แม้ว่าจะเกิดแรงกระแทกมากแค่ไหนก็ตาม

5. วัสดุทนทานต่อแรงกระแทก แถมยังระบายอากาศได้ดี เป็นเรื่องแน่นอนที่วัสดุสำหรับคาร์ซีทนั้นจะต้องทนรับแรงกระแทกได้ดี เพื่อให้ลูกน้อยที่โดยสารอยู่ภายในนั้นปลอดภัย นอกจากนี้คาร์ซีทแบบนี้ก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของการระบายอากาศเช่นเดียวกันค่ะ เพราะหากการระบายอากาศไม่ดีพอแล้ว ก็อาจจะทำให้ลูกน้อยรู้สึกไม่สบายตัวและงอแงเอาได้นั่นเอง

ทีนี้คุณแม่ก็ไม่ต้องรู้สึกกังวลอีกต่อไปแล้วนะคะ เพราะคาร์ซีทสำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนดนี้จะทำให้ลูกน้อยของคุณแม่เดินทางได้อย่างปลอดภัย แถมยังทำให้คุณแม่รู้สึกสบายใจอีกด้วยค่ะ


คาร์ซีทสำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนด ช่วยให้น้องไลก้ากลับบ้านได้อย่างปลอดภัยค่ะ

สอบถามเพิ่มเติม :

  • Inbox : m.me/Apricathailand
  • Line ID : @babygiftretail (มี @ ด้วยนะคะ)
  • Website : http://www.babygiftretail.com
  • Call Center : 086-3817175

ความเป็นมาของ Aprica

 

Aprica ก่อตั้งเมื่อปี 1947 ปี โดยทีมกุมารแพทย์จากประเทศญี่ปุ่น ด้วยความห่วงใยและใส่ใจเกี่ยวกับเด็กทารก เพราะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเด็ก จึงได้ช่วยกันคิดค้นและวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นอย่างพิถีพิถัน โดยมีเป้าหมายคือการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเด็กและพ่อแม่ ด้วยความเชี่ยวชาญและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องกว่า 70 ปี Aprica จึงได้รับการยอมรับและไว้ว่างใจอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น

  • เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก อันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น

  • ศูนย์กลางวิจัยเกี่ยวกับการคิดค้นผลิตภัณฑ์เด็กตั้งอยู่ในเมืองนาราประเทศญี่ปุ่นด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 10,000 ล้านเยน

  • Aprica เป็นบริษัทแรกในโลก ที่มีการใช้หุ่นจำลองเด็กทารกขนาด 5 kg. ที่มีมูลค่าสูงถึง 30 ล้านบาท โดยหุ่นจำลองนี้มีข้อต่อและอวัยวะในร่างกายเช่นเดียวกับเด็กทารก ติดตั้งเซ็นเซอร์ตัวรับสัญญาณในส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย เพื่อตรวจวัดการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากการกระแทกในอุบัติเหตุจำลองรูปแบบต่างๆ

  • Aprica ได้รับเกียรติให้เป็นผู้จัดทำรถเข็นและผลิตภัณฑ์เด็กรุ่นพิเศษ ภายใต้ชื่อ Royal Knot เพื่อทูลเกล้าถวายแด่ราชวงศ์ในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงเชื้อพระวงศ์ในอีกหลายประเทศทั่วโลก


  • ได้รับรางวัลทรงเกียรติจากสถาบันนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น

รางวัล “Naito KotobukiShichiro” รางวัลศูนย์เด็กเล็กระหว่างประเทศ
รางวัลให้คำปรึกษายอดเยี่ยมจาก รพ.สาธารณะสุขท้องถิ่นในญี่ปุ่น ได้รับการยอมรับจากหนังสือพิมพ์  “Mainichi Shimbun”
รางวัลนานาชาติเรื่องการดูแลเด็ก
รางวัล PARENTING AWARD

*รางวัล Naito KotobukiShichiro       *รางวัล PARENTING

  • เป็นผู้คิดค้นคาร์ซีทแบบนอนได้ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามวัยของทารก ซึ่งถือได้ว่าเป็นคาร์ซีทที่เหมาะสำหรับเด็กมากที่สุด

  • ได้คิดค้นรถเข็นเด็กแบบพับได้ที่มีขนาดเล็กที่สุดในปี 1949

  • ทุกวันนี้ Aprica ยังคงทุ่มเทพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแรกเกิดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เด็กๆ และทุกครอบครัวมีแต่รอยยิ้มอย่างมีความสุข


About Aprica

มาตราฐานความปลอดภัยระดับสากล


เด็กแรกเกิดใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอน

เพราะในระหว่างนอนสมองจะหลั่ง Growth Hormone หรือ ฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโตซึ่งจะทำหน้าที่สร้างเสริมพัฒนาการทั้งทางร่างกายและจิตใจ

เมื่อต้องเดินทางไปในรถ เด็กควรได้รับการดูแลปกป้องเป็นพิเศษเพื่อให้การนอนหลับไม่ถูกรบกวนจากการเดินทาง ดังนั้นคาร์ซีทจึงมีส่วนสำคัญที่นอกจากจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุแล้วยังช่วยสร้างเสริมการนอนหลับได้อย่างเต็มที่ ในหลายประเทศคาร์ซีทถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับเด็กแรกเกิดที่มีกฏหมายบังคับใช้ และด้วยความจำเป็นนี้เอง Aprica จึงได้พัฒนาคาร์ซีทที่สามารถปรับเปลี่ยนใช้ได้ถึง 3 รูปแบบในตัวเดียวกันซึ่งจะเป็นได้ทั้งเตียงนอนเพื่อรองรับสรีระที่อ่อนบางในวัยแรกเกิดและปรับเปลี่ยนเป็นเก้าอี้นิรภัยสำหรับวัยที่เริ่มหัดนั่งและยืนได้แล้ว นอกจากนี้ Aprica ยังได้พัฒนา Junior Seat หรือ Booster สำหรับเด็กที่เริ่มโตเต็มวัยเพื่อเตรียมพร้อมการนั่งรถโดยใช้สายเข็มขัดนิรภัยเหมือนผู้ใหญ่

Aprica ได้ทำการทดสอบในการเกิดอุบัติเหตุรูปแบบต่างๆ ภายในห้องทดลองของบริษัทจนได้รับการรับรองมาตรฐานขั้นสูง

เราทำการทดสอบภายในห้องวิจัยของเราเองมากกว่า 1,000 ครั้งต่อปี เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะสามารถพัฒนา
นวัตกรรมการปกป้องเด็กทารกให้มีความปลอดภัยสูงสุด

หุ่นเด็กทารกตัวแรกของโลก ถูกใช้ในงานวิจัยเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

เพื่อให้มั่นใจว่าคาร์ซีทแบบนอนราบจะมอบความปลอดภัยที่สูงกว่าให้กับเด็กแรกเกิดทุกคน Aprica ได้พัฒนาหุ่นเด็กทารกที่มีน้ำหนัก 2.5 และ 3.4 kg.
พร้อมติดตั้งเครื่องวัดสัญญาณเพื่อให้ทราบถึงความรู้สึกต่างๆ ที่เด็กจะได้รับทดสอบการเกิดอุบัติเหตุในรูปแบบต่างๆ

ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล SG mark คือสัญลักษณ์แห่งมาตรฐานความปลอดภัยที่ช่วยให้คุณมั่นใจว่ารถเข็นของ Aprica ทุกคันได้ผ่านการตรวจสอบที่เข็มงวดโดย Consumer Product Safety Association ประเทศญี่ปุ่น จึงปลอดภัยสำหรับเด็กวัยแรกเกิดทุกคน


About Aprica

[/col] [/row]

8.3.8 Principle, the reason Behind that smile.

ที่ Aprica เราเชื่อว่าหลักการ 8.3.8 Principle คือ หัวใจหลักที่เรายึดมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่ดีเยี่ยมเพื่อสร้างรอยยิ้มให้กับทุกครอบครัว


พัฒนาการทางด้านร่างกายของเด็กวัยแรกเกิดที่ยังไม่สมบูรณ์
8 อวัยวะและระบบในร่างกายทั้ง 8 ที่ยังอ่อนแอและบอบบาง ในช่วงวัยแรกเกิดอวัยวะและระบบต่างๆ ในร่างกายลูกน้อยเช่น สมอง ศีรษะ คอ กระดูกสันหลังซึ่งเป็นส่วนลำคัญที่มีผลต่อการเจริญเติบของเค้าจะบอบบางและอ่อนแอมาก คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความระมัดระวังและดูแลเป็นพิเศษ

 1. ศีรษะและคอที่ยังไม่แข็งแรง

3

เด็กแรกเกิดจะมีขนาดศีรษะเท่ากับ 1 ใน 4 ของร่างกาย และถือได้ว่ามีน้ำหนักมากเมื่อเทียบกับ ขนาดของร่างกายโดยรวม

 2. ระบบหายใจที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่

5

ทารกจะใช้ท้องเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งที่ช่วยในการหายใจ บ่อยครั้งเมื่อบริเวณท้องงอตัวหรือถูกกดทับจะเกิดสภาวะหายใจติดขัดได้ง่าย

3. กระดูกสันหลังที่อ่อนและเป็นเส้นตรง

เด็กแรกเกิดจะมีแนวกระดูกสันหลังเป็นเส้นตรงสะโพกสามารถเคลื่อนได้ง่าย ดังนั้นเราจึงควรดูแลจัดให้สรีระอยู่ในท่านั่งและนอนที่เหมาะสมสามารถขยับแขนและขาได้ง่ายเป็นธรรมชาติ

4. อุณหภูมิในร่างกายที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่

เด็กทารกมีความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิในร่างกายต่ำ ดังนั้นการช่วยปรับอุณหภูมิแวดล้อมให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง

5. การตื่นและนอนที่ยังไม่เป็นระบบ

เด็กแรกเกิดจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอน และจะเริ่มเรียนรู้ความแตกต่างของกลางวันกลางคืน เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 4

6. ผิวหยังที่อ่อนโยนและขาดการปกป้อง

ผิวหนังของเด็กมีความหนาเพียงครึ่งเดียวของผิวผู้ใหญ่ จึงไวต่อสิ่งสัมผัสและแห้งง่าย ด้วยรูขุมขนที่ละเอียดเล็กจึงทำให้คลายความร้อนได้ช้า มีเหงื่อออกมาก

7. ประสาทสัมผัสที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่

ทารกจะมีระยะการมองเห็นสั้นๆเด็กจะรับรู้ข้อมูลส่วนใหญ่ผ่านการสัมผัสทางด้านร่างกาย

8. ระบบภูมิต้านทานที่อ่อนแอ

สิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กในวัยแรกเกิด จะมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและก่อให้เกิดภูมิแพ้ที่ติดตัวเด็กไปเป็นระยะเวลาหลายปี


3  พัฒนาการทางด้านจิตใจและอารมณ์ของเด็กวัยแรกเกิด11

1.ความมั่นใจและสายใยแห่งความผูกพันธ์เกิดขึ้นได้จากกายสัมผัส
การสัมผัสด้วยการกอดและการสบตาจากแม่หรือคนรอบข้าง คือสิ่งมหัศจรรย์ที่ก่อให้เกิดความมั่นใจของลูกน้อย เมื่อแม่พยายามปลอบในเวลาที่ลูกร้อง การยิ้มตอบเมื่อแม่พูดคุยด้วย สิ่งเหล่านี้คือสายใยแห่งความผูกพันที่ทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่น และไว้ใจซึ่งจะนำไปสู่การเสริมสร้างให้ลูกมีบุคลิกและการแสดงออกในเชิงบวกได้


2. ประสาทสัมผัสทั้งห้าจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น 12
เด็กในวัยแรกเกิด – 1 ปี จะพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยการนำเข้าปาก และเมื่อย่างเข้าสู่วัยขวบปีแรก เด็กจะสนใจอยากเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวด้วยการสัมผัสและการมอง ซึ่งความอยากรู้อยากเห็นนี้เองจะเป็นตัวกระตุ้น ให้เกิดการเรียนรู้และทักษะทางด้านร่างกาย การเรียนรู้โลกภายนอกด้วยการสัมผัสกับลมเบาๆและได้ยินเสียงจากธรรมชาติจะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้อย่างดี


3. รอยยิ้มจากคนรอบข้างช่วยให้หนูน้อยมีพัฒนาการในการสื่อสารและเข้าสังคมได้ดี 13
เมื่อย่างเข้าสู่เดือนที่ 2 เด็กจะเริ่มรู้จักการยิ้มซึ่งถือได้ว่าเป็นพัฒนาการแรกในการเข้าสังคมด้วยการมีปฏิกริยาโต้ตอบและบอกความรู้สึกให้ผู้คนรอบข้างได้รับรู้ความสามารถในการสื่อสารขั้นพื้นฐานนี้ จะได้รับการพัฒนาโดยเริ่มจากความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกและจะค่อยๆ พัฒนาไปสู่พ่อและบุคคลรอบข้าง


8 แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการปกป้องและดูแลเด็ก

141.จัดให้อยู่ในท่านอนราบ
ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแรกเกิดที่ดีควรปรับเปลี่ยนให้สามารถรองรับสรีระท่านอนที่เป็นธรรมชาติโดยไม่ก่อให้เกิดการปิดกั้นทางเดินหายใจ โดยเฉพาะเมื่อเด็กอยู่ในวัยแรกเกิด

2.  ปกป้องสมอง ศีรษะ คอ และกระดูกสันหลัง 15
ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแรกเกิดที่ดีจะต้องช่วยปกป้องศีรษะจากการกระทบกระเทือนรอบข้าง และช่วยจัดให้ศีรษะและคอตั้งตรงด้วยการรองช่วงต้นคอได้อย่างพอดี

16

3.  ปรับเปลี่ยนท่าอุ้มนั่ง นอน ตามพัฒนาการของเด็ก
ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแรกเกิดที่ดีควรสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเด็กในช่วงขวบปีแรก และควรรองรับท่านั่งและนอนได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ส่งผลต่อการขยับแขนและขาของเด็ก

4.  มีระบบระบายอากาศที่ดี ช่วยลดความอับชื้น  17
ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแรกเกิดที่ดีควรจะมีระบบระบายอากาศและใช้วัสดุที่ช่วยลดความอับชื้นได้อย่างดี เพื่อช่วยปรับลดอุณหภูมิความร้อนในร่างกายของเด็กในวัยแรกเกิดได้

18

5.  ปกป้องลูกน้อยจากฝุ่นควันและสารที่เป็นอันตราย
ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแรกเกิดที่ดีควรมีระดับความสูงจากพื้นที่เหมาะสมและใช้วัสดุที่สามารถถอดซักทำความสะอาดได้ง่าย เพื่อช่วยให้ทารกได้รับการปกป้องจากฝุ่นและสารที่เป็นอันตรายจากพื้น

6.  ลดแรงกระแทกและการสั่นสะเทือนได้ดี  19
ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแรกเกิดที่ดีควรมีโครงสร้างที่แข็งแรง ลดการกระแทกและการสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี เพื่อช่วยให้สมองของลูกน้อยไม่ถูกกระทบกระเทือนและหลับสบายตลอดการเดินทาง

20

7.  มุ่งเน้นให้การนอนหลับได้อย่างสบาย และเป็นระบบ
ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแรกเกิดที่ดีอย่างเปลไกวที่มีจังหวะการไกวที่เหมาะสมจะช่วยให้ทารกมีระดับการนอนที่สงบนิ่ง และช่วยพัฒนาช่วงเวลาการนอนในแต่ละวันให้เป็นระบบมากขึ้น

8.  ส่งเสริมให้มีปฏิสัมพันธ์ ระหว่างพ่อ แม่ ลูก  21

ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแรกเกิดที่ดี ควรช่วยให้คุณแม่ดูแลลูกน้อยได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งนอกจากจะเสริมสร้างสายใยความผูกพันธ์ระหว่างแม่และลูกผ่านการสัมผัส การมองเห็น แล้วยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้สำหรับทารกได้อีกด้วย


About Aprica

Aprica ผลิตและคิดค้นโดยกุมารแพทย์

เพราะเด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กและร่างกายของเด็กก็มีความแตกต่างจากผู้ใหญ่โดยสิ้นเชิงโดยเฉพาะในช่วงวัย 0 – 3 ปี

ซึ่งเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ที่เด็กจะมีพัฒนาการที่รวดเร็วทั้งทางร่างกายและจิตใจ และเพื่อให้เราเข้าใจถึงเหตุผลภายใต้รอยยิ้มน้อยๆ ที่ไม่สามารถสื่อสารผ่านคำพูดได้ Aprica จึงได้ศึกษาค้นคว้าโดยอาศัยหลักทาง Baby’s Pediatrics (กุมารเวชศาสตร์) ประกอบกับการประยุกษ์ใช้ Childcare Engineering (วิศวกรรมศาสตร์เพื่อการดูแลเด็ก) เพื่อนำมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่ดีเยี่ยมและเหมาะสมสำหรับทารกมากที่สุด

Baby’s Pediatrics

Baby’s Pediatrics คือการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาทางด้านร่างกายและอารมณ์ของเด็กในวัยแรกเกิดอย่างลึกซึ้งผ่าน Pediatrics (กุมารเวชศาสตร์) Psychology (จิตวิทยา) และ Puericulture (ศาสตร์การดูแลสุขภาพมารดาเพื่อ ภาวะสมบรูณ์ของตัวอ่อนในครรภ์) รวมไปถึง การวิจัยการทำงานของสมองและร่างกายของเด็กทารกเพื่อนำมาสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับเด็กวัยแรกเกิดอย่างแท้จริง


 

Childcare Engineering

Childcare Engineering คือการศึกษาสิ่งแวดล้อมและการดูแลเด็กแรกเกิดที่เหมาะสม โดยการนำองค์ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกน้อยของพ่อแม่ รวมเข้ากับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และเพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการของเด็กวัยแรกเกิดอย่างแท้จริง Aprica คือผู้นำรายแรกของโลกที่มีการนำหุ่นยนต์เด็กอ่อนมาใช้ในการทดสอบผลิตภัณฑ์และวิเคราะห์การโอบอุ้มของอ้อมกอดแม่เพื่อคิดค้นอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ สำหรับเด็กที่นอกจากจะเน้นความปลอดภัยแล้วยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กวัยแรกเกิดได้ดีอีกด้วย

 

About Aprica

เพราะรอยยิ้มของคุณและลูกคือแรงบันดาลใจของเรา

จากการศึกษาวิจัยมากว่าครึ่งศตวรรษทำให้เราได้เรียนรู้ว่าสมองของเด็กวัยแรกเกิด – 3 ปี มีพัฒนาการอย่างรวดเร็วทำให้สิ่งแวดล้อมรอบข้างมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาการเป็นอย่างมาก การได้สัมผัสถึงความรัก และรอยยิ้มจากคนรอบข้าง จะทำให้เด็กได้รู้จักความรู้สึกและสภาวะ ทางอารมณ์ต่างๆ ในจิตใจ ดังนั่นการได้รับความรักความอบอุ่นจากพ่อและแม่รวมถึงผู้คน ที่แวดล้อมจึงมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการที่สมบูรณ์

และด้วยเหตุนี้  Aprica จึงได้ทุ่มเทค้นคว้าวิจัย ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อ ช่วยดูแลเด็กในวัยแรกเกิดให้มีความสุข ตอบโจทย์ความต้องการของคุณพ่อคุณแม่และยังรองรับพัฒนาการของเด็กได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อช่วยให้คุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยได้สร้างรอยยิ้มร่วมกัน

วัย 0-3 ปี คือช่วงเวลามหัศจรรย์ของเด็กทุกคน ในช่วง 3 ปีแรกของทารกคือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด การได้รับความรักความอบอุ่นจากคนรอบข้างคือพื้นฐานในจิตใจที่จะพัฒนาให้เด็กเติบโต เป็นผู้ใหญ่ที่มี จิตใจดี อ่อนโยนและมีอัจริยภาพทางอารมณได้เป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานของพัฒนาการทางสมอง และอวัยวะต่างๆ ในร่างกายให้แข็งแรงพร้อมเรียนรู้ในทุกๆ ด้าน Professor Konishi Yukuo, Baby Research Centre, Doshisha University


About Aprica

 

8พัฒนาการของทารกที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ

วัย 0-3 ปี คือช่วงเวลามหัศจรรย์ของเด็กทุกคน ช่วงวัยนี้จะมีพัฒนาการอย่างรวดเร็วทั้งด้านร่างกาย สมอง และความคิด Aprica วิจัยมากว่า 70 ปี โดยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่ดีเยี่ยม ให้คุณดูแลลูกน้อยได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขที่สุด ตามหลัก 8.3.8  ซึ่งประกอบด้วย

  • 8 พัฒนาการทางด้านร่างกายของเด็กทารก
  • 3 พัฒนาการทางด้านจิตใจเพื่อความสุข และ
  • 8 แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจของทารก

8 พัฒนาการทางด้านร่างกายของเด็กทารก จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ เพื่อนำไปสู่ 3 พัฒนาการทางด้านจิตใจและอารมณ์ (ศึกษาเพิ่มเติม คลิ๊ก) #เพราะเด็กทารกพูดไม่ได้ พ่อแม่จึงต้องเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาการที่ดี ทั้งสมองและอวัยวะต่างๆ ในร่างกายให้แข็งแรงพร้อมเรียนรู้ในทุกๆ ด้าน

จุดเริ่มต้นในการเคลื่อนไหวร่างกายของทารกในช่วงขวบปีแรกนั้น มาจาก กล้ามเนื้อคอ ไม่ว่าจะคว่ำ คลาน นั่ง ยืนไปจนกระทั่งเดินได้ในที่สุด และเพราะเด็กทารกในวัยแรกเกิดจะมีขนาดศีรษะเท่ากับ 1 ใน 4 ของร่างกาย ซึ่งถือได้ว่ามีน้ำหนักมากเมื่อเทียบกับ ขนาดของร่างกายโดยรวม จึงต้องใส่ใจดูแลต้นคอที่ต้องรับหนักศีรษะนี้เป็นพิเศษ เราควรจัดท่านอนให้ศีรษะและคอตั้งตรง และมีการประคองช่วงคอได้อย่างพอดี เพื่อพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวที่ดีของลูก

ในทารกวัยแรกเกิดจะใช้ท้องเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งที่ช่วยในการหายใจ และเพราะหลอดลมยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ จึงอาจเกิดสภาวะหายใจติดขัด หายใจแรง หากบริเวณท้องงอตัวหรือถูกกดทับ จึงควรจัดให้ลูกนอนในท่านอนราบ ให้ช่องท้องเหยียบตรง หายใจได้ทั่วท้อง เพื่ออ๊อกซิเจนจะได้ไปเลี้ยงสมมองได้มากขึ้น

เพราะกระดูสันหลังและข้อต่อบริเวณสะโพกของทารกที่เชื่อมต่อกันแบบหลวมๆ  ทารกจึงมีแนวกระดูกสันหลังเป็นเส้นตรง และข้อต่อบริเวณสะโพกที่สามารถเคลื่อนได้ง่าย ดังนั้นคุณแม่ควรดูแลจัดสรีระร่างกายของลูกให้เหมาะสมตามช่วงวัย ทั้งในท่านั่งและท่านอน ตามหลัก Ergonomic Design for Baby โดยตำแหน่งของศีรษะและปลายเท้าต้องสัมพันธ์กัน จะช่วยให้ลูกรักไม่รู้สึกเมื่อยล้าแม้ต้องอยู่ในท่าเดิมนานๆ และสามารถขยับแขนและขาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ร่างกายคนเราสามารถปรับอุณหภูมิให้สมดุลกับสภาพอากาศรอบๆ ได้ด้วยการระบายเหงื่อออกทางผิวหนัง แต่กับเด็กทารกที่ระบบควบคุมอุณหภูมิที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่เหมือนผู้ใหญ่ เมื่ออยู่ในบริเวณที่ร้อนมาก อุณหภูมิในร่างกายของเด็กก็จะสูงขึ้นได้ง่ายกว่า บวกกับรูขุมขนที่เล็ก เวลาออกนอกบ้านสภาพอากาศที่ร้อนจะยิ่งทำให้เหงื่อออกมากเป็นพิเศษ รถเข็นเด็กคู่ใจที่มีฉนวนกันความร้อนพิเศษ จะช่วยลดความร้อนสะสมบริเวณหลัง พร้อมกับช่องระบายอากาศ ให้ลูกน้อยสบายตัว ช่วยลดความอับชื้นและผดผื่นคัน

เด็กวัยแรกเกิดถึง 3 เดือน ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอน เพื่อให้ทุกเซลล์ และระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายเติบโตได้อย่างเต็มที่ และจะเริ่มเรียนรู้ความแตกต่างของกลางวัน กลางคืนได้เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 4 การเลือกใช้รถเข็นเด็กที่มีระบบรับรองกระแทกทั้งโครงสร้างและล้อ ซึ่งช่วยลดการสั่นสะเทือนจะช่วยให้ไม่รบกวนเวลานอนของลูกในระหว่างวัน ช่วยให้เวลาการนอนในแต่ละช่วงยาวนานขึ้นซึ่งเป็นพื้นฐานของการฝึก และเรียนรู้การตื่นและนอนให้เป็นระบบมากขึ้น

ผิวหนังของทารกมีความบอบบาง และหนาเพียงครึ่งเดียวของผิวผู้ใหญ่ ไวต่อสิ่งสัมผัส เกิดอาการแพ้ระคายเคืองได้ง่าย ควรเลือกเสื้อผ้าหรือของใช้ที่ให้ผิวสัมผัสที่นุ่มนวลและระบายอากาศได้ดี จะช่วยลดความอับชื้นซึ่งเป็นต้นเหตุของการสะสมของแบคทีเรีย และเชื่อโรคต่างๆ ที่อาจสัมผัสผิวที่แพ้ง่ายของลูกโดยตรง

ทารกสามารถมองเห็นได้แต่ยังไม่ชัดค่ะ เพราะระบบการทำงานของตาทั้งสองข้างยังทำงานไม่สัมพันธ์กัน ในช่วงแรกเกิดดวงตาจะไวต่อแสงมาก คุณพ่อคุณแม่ควรระวังระมัด การปะทะแสงแดดจ้าโดยตรง เพราะหากดวงตาต้องเผชิญหน้ากับแสงแดด หรือหลอดไฟโดยไม่มีการป้องกัน รังสียูวีในแสงแดดสามารถสร้างความเสียหายให้กับเซลล์ที่จอประสาทตาได้โดยที่เราไม่รู้ตัว

มลภาวะและสิ่งแวดล้อมรอบข้างที่เป็นอันตราย มีผลอย่างมากต่อระบบภูมิคุ้มกันและก่อให้เกิดภูมิแพ้ที่ติดตัวเด็กไปจนโต ควรปกป้องลูกน้อยจากฝุ่นควันและสารที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะเมื่อออกนอกบ้าน การอยู่ใกล้พื้นมาเท่าไหร่ ปริมาณฝุ่นละอองสิ่งสกปรกจะมีมากขึ้นเท่านั้น รถเข็นเด็กแบบ High Seat ช่วยลดความร้อนและลดปริมาณของฝุ่นละอองในอากาศลงได้ถึง 20 %


เพราะเด็กทารกพูดไม่ได้ เราจึงต้องปกป้องและให้การดูแลเป็นพิเศษ เพื่อพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แข็งแรง Aprica

สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยดูแลเด็กวัยแรกเกิดให้มีความสุข ตอบโจทย์ความต้องการของคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อย
#รถเข็นเด็กยอดขายอันดับ1ในญี่ปุ่น
#Aprica70ปีที่ใส่ใจคุณและลูกน้อย
#เพราะทารกบอกความต้องการไม่ได้
#เลือกApricaดีที่สุด

อ่านเพิ่มเติม
3 พัฒนาการทางด้านจิตใจเพื่อความสุข และ
8 แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจของทารก